Tuesday, August 11, 2015

วิจัย+รับผิดชอบ เรื่องจิ๊บๆ ฝึกไม่ยาก

ช่วงปิดเทอมนี้ถือเป็นโอกาสดี ที่พ่อแม่ลูกจะได้อยู่ใกล้ชิดและมีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน รวมถึงการอบรมสั่งสอน สร้างวินัยและฝึกความรับผิดชอบ

นพ.ชาตรี วิฑูรชาตรี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลมนารมย์ ระบุว่า การสร้างสำนึกความรับผิดชอบให้กับเด็กนั้นเป็นเรื่องสำคัญ พ่อแม่ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้เด็กใช้เวลาอย่างสูญเสียไปในช่วงปิดเทอม แต่ควรสร้างสรรค์กิจกรรมให้เด็กได้ทำ โดยเริ่มได้จากสิ่งเล็กๆ คือ เรื่องส่วนตัว

ควรเริ่มให้เด็กมีความรับผิดชอบในเรื่องส่วนตัวก่อน แล้วค่อยมีส่วนร่วมในเรื่องของงานบ้าน เช่น ฝึกให้ทำความสะอาดห้องนอน กวาดพื้น ถูกพื้น เก็บที่นอน โต๊ะหนังสือ ตู้เสื้อผ้า แล้วค่อยช่วยเรื่องงานบ้าน เช่น ล้างจาน กวาดบ้าน ถูกบ้าน จัดสวน ตัดหญ้า ใส่ปุ๋ยต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ แต่ส่วนใหญ่แล้วเด็กจะมีบทบาทน้อยลงในเรื่องพวกนี้ เพราะพ่อแม่ส่วนใหญ่จะจ้างพี่เลี้ยงหรือแม่บ้าน หรือไม่พ่อแม่ก็เป็นคนทำเองทุกอย่าง ลูกจึงไม่มีโอกาสได้ทำงานเหล่านี้ และทำไม่เป็น เพราะฉะนั้น พ่อแม่จะต้องเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองฝึกลองทำ

การฝึกความความรับผิดชอบต้องฝึกตั้งแต่เล็กๆ และควรหากิจกรรมที่เหมาะสม ไม่เกินความสามารถให้กับเด็ก เพราะเด็กแต่ละวัยมีความแตกต่างกัน เช่น วัยประถมศึกษาตอนต้น พ่อแม่อาจจะฝึกให้มีให้ความรับผิดชอบในเรื่องส่วนตัวก่อน โดยการเก็บของเล่น เก็บจานข้าว เรื่องเสื้อผ้า ทำตามคำสั่งผู้ใหญ่ ช่วยหยิบสิ่งของ แล้วก็อาจจะช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการให้อาหารปลา ช่วยกรอกน้ำและรับผิดชอบห้องของตัวเอง

งานเหล่านี้เด็กวัยประถมศึกษาสามารถทำได้ แต่ถ้าหากเป็นเด็กวัยประถมศึกษาตอนปลายที่โตขึ้นมาหน่อย สามารถทำกิจกรรมที่หนักขึ้นมาได้ ก็อาจจะให้เริ่มจากการเก็บที่นอน ทำความสะอาด เช็ดโต๊ะ เป็นคนจัดโต๊ะอาหาร จานช้อนหยิบมาวาง แล้วจึงค่อยปรับเป็นเรื่องส่วนรวมมากขึ้น

สำหรับเด็กในวัยมัธยมศึกษา อายุ 11 ปีขึ้นไป เป็นวัยที่เริ่มโตและกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ควรหากิจกรรมหรืองานที่เหมาะสม ที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบและแสดงความเป็นผู้ใหญ่ เช่น การปิดม่านหน้าต่าง ดูแลกลอนประตู เอาขยะไปทิ้ง Sk Da Pe Bl Fu ให้อาหารสุนัข ล้างรถ หรือเป็นลูกมือช่วยแม่ทำครัว

แต่ถ้าเด็กที่ไม่เคยทำอะไรเลย เมื่อพ่อแม่สั่งให้ช่วยงานบ้าน เด็กอาจจะไม่อยากทำ ดังนั้น เทคนิคการฝึกเริ่มต้น พ่อแม่จะต้องมีคำชมให้กับเด็กเพื่อเป็นการกระตุ้นและให้กำลังใจ

การชมเป็นการให้รางวัลอย่างหนึ่ง เป็นคำพูดหรือการกระทำก็ได้ ชมเขา กอดเขา มองด้วยแววตาชื่นชม ส่งเสริมให้เขาอยากทำความดีมากขึ้น โดยธรรมชาติเด็กอยากให้พ่อแม่ชื่นชมอยู่แล้ว ถ้าเด็กมีความดีปุ๊บ ควรชมให้เร็วที่สุด อย่าชมมากเกินความเป็นจริง อย่าโอเว่อร์ ให้ชมแบบชัดเจน ดียังไง เราพอใจยังไงบ้าง เช่น เขาเล่นของเล่นแล้วเก็บเรียบร้อย เราก็ชมว่าแม่ชื่นใจนะที่ลูกมีระเบียบ เล่นแล้วเก็บเรียบร้อย แม่รู้สึกยังไง แม่ต้องไปอวดให้พ่อฟังว่า วันนี้ตั้งใจทำการบ้าน ยิ่งการชมของเรามีคำบรรยายอยู่ในนั้น เด็กจะรู้ว่าควรทำอะไรบ้าง ฟังแล้วจะชื่นใจกว่า มันเป็นการตอกย้ำ

นพ.ชาตรี กล่าวเสริมว่า การเข้านอนและตื่นนอน ก็ถือเป็นการฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง เพราะการนอนและตื่นให้เป็นเวลาทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ถือเป็นการสร้างวินัยและฝึกนิสัยความรับผิดชอบของเด็กได้ แต่บางครั้งในช่วงปิดเทอมอาจจะยืดหยุ่นได้แต่อย่าให้มากเกินไป ปกติไปโรงเรียนอาจจะตื่น 6 โมงเช้า ช่วงปิดเทอมอาจจะยืดหยุ่นให้ตื่น 7 โมง ไม่ใช่ตื่นตอนเที่ยงวัน

แต่สิ่งที่สำคัญที่จะฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบเรื่องการตื่นนอนนั้น เวลาการเข้านอนก็สำคัญ ถือเป็นตัวกำหนด เพราะถ้าเข้านอนเร็ว จะนอนเต็มอิ่ม ตื่นได้ตรงเวลา แต่ถ้าช่วงปิดเทอมนอนเกินสามทุ่มหรือเที่ยงคืนก็คงจะตื่นเช้าไม่ไหว

เรื่องของสภาพแวดล้อมภายในบ้าน ก็มีส่วนสำคัญต่อการฝึกความรับผิดชอบเรื่องการเข้านอน โดยเฉพาะประเภทที่นอนห้องเดียวกัน แล้วก็เอาทีวีไว้ในห้องนอน 4-5 ทุ่มพ่อแม่ยังดูทีวีอยู่ แล้วจะให้ลูกนอน ไฟก็ยังเปิดอยู่ พ่อแม่ควรแยกห้องนอนให้ลูกตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป และในห้องนอนไม่ควรจะมีทีวี คอมพิวเตอร์ และควรจะกำหนดเวลาเข้านอนและตื่นให้เป็นกิจวัตร ถ้าฝึกฝนบ่อยๆ เด็กก็จะชินและเริ่มมีวินัยและความรับผิดชอบตั้งแต่ยังเล็ก คำแนะนำอย่างง่ายจากจิตแพทย์โรงพยาบาลมนารมย์

No comments:

Post a Comment