พบเป็นสุนัข 1 ใน 10 สายพันธุ์เสี่ยงโรคอ้วน
ถ้าพูดถึงน้องหมาตัวอวบตัน หน้าตาตลกชวนหัวเราะ และมีอุปนิสัยน่ารักน่าเอ็นดู ทุกคนก็คงจะนึกถึงน้องหมาสายพันธุ์ปั๊กกันใช่ไหมล่ะคะ ... ปั๊ก เป็นน้องหมาสายพันธุ์หนึ่งที่มีหน้าตาโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ที่มองยังไงๆ ก็ไม่เบื่อ จนทำให้เหล่าคนรักสุนัขตกหลุมรักและนิยมเลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้เลี้ยงหลายคนมักคิดว่า น้องหมาปั๊กโดยปกติจะต้องเป็นน้องหมาที่อ้วนท้วนถึงจะดูน่ารักน่าเอ็นดู จึงเลี้ยงน้องหมาแบบตามใจปากด้วยอาหารสารพัดชนิด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปั๊กเป็นน้องหมาที่เสี่ยงต่อโรคอ้วนและเป็นโรคเบาหวานได้ง่าย ผู้เลี้ยงจึงต้องคอยกำกับดูแลเรื่องอาหารการกินให้กับน้องหมาเพื่อไม่ให้น้องหมามีภาวะน้ำหนักเกิน หรือเป็นโรคอ้วนค่ะ
เทคนิคการเลี้ยงการดูแล วันนี้ ปังปอนด์เลยจะชวนเพื่อน ๆ มาเรียนรู้วิธีการดูแลเรื่องอาหารสำหรับน้องหมาสายพันธุ์ปั๊กกันโดยเฉพาะ และเรียนรู้การควบคุมน้ำหนักอย่างถูกวิธี รวมถึงคำนวณปริมาณอาหารที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาเพื่อป้องกันไม่ให้น้องหมาเป็นโรคอ้วนกันค่ะ ...
โรคอ้วน ... ปัญหาใหญ่ของสุนัขสายพันธุ์ปั๊ก
ด้วยรูปร่างลักษณะที่ อ้วน สั้น ตัน กลม จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมน้องหมาปั๊กถึงมีรายชื่อติดอยู่ในโผ 1ใน 10 สายพันธุ์สุนัขที่เสี่ยงเป็นโรคอ้วน ได้ง่ายสายพันธุ์หนึ่ง ... นั่นก็เพราะปั๊กเป็นน้องหมาที่รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ แล้วก็มักจะกินอาหารมากเกินความต้องการของร่างกายตัวเอง หรือเรียกง่าย ๆ กินจุแบบนอนสต็อปนั่นล่ะค่ะ ซึ่งถ้าหากเรามองย้อนกลับไปแล้ว ปัจจัยที่ทำให้น้องหมาหมาเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนได้นั้นมาจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น อุปนิสัยในการกินของน้องหมา , พันธุกรรม , ช่วงอายุ , เพศ , การทำหมัน , การออกกำลังกาย , โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ฯลฯ
แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้น้องหมาปั๊กอ้วนนั้น ส่วนมากก็มักจะเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ วิธีการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบให้อาหารตามใจปากน้องหมา ใจอ่อนทุกครั้งเมื่อเห็นน้องหมาส่งสายตาวิงวอนขออาหารสุดโปรดไม่ว่าจะเป็น ไส้กรอกรมควัน ตับย่าง เนื้อไก่ เนื้อหมู ฯลฯ โดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมานั่นก็คือ การเกิดภาวะน้ำหนักเกิน หรือโรคอ้วน ที่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพให้น้องหมาปั๊กต้องทุกข์ทรมานกับโรคต่าง ๆ ในอนาคต และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เป็นสาเหตุที่ทำให้น้องหมาอ้วนคือ การขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้เกิดการสะสมของไขมันส่งผลให้น้องหมาเป็นโรคอ้วนโดยพบข้อมูลว่า น้องหมาที่เลี้ยงอยู่ตามอาพาร์ตเม้นท์และคอนโดที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเป็นโรคอ้วนถึง 31% ในขณะที่น้องหมาที่เลี้ยงแบบปล่อยให้วิ่งเล่นในสนามหญ้าเป็นโรคอ้วน 23% เท่านั้นค่ะ ...
สำหรับผู้เลี้ยงที่ชอบมอบอาหารของคนให้กับน้องหมา รู้ไหมคะว่านั่นถือเป็นการทำร้ายน้องหมาทางอ้อม เพราะในอาหารของคน ส่วนมากมักจะมีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลัก และยังถูกปรุงรส หวาน มัน เค็ม ใส่สี กลิ่น สารกันบูด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตับ ไต อวัยวะต่าง ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างเมนูสุดโปรดของน้องหมาส่วนมาก เช่น ตับย่าง ที่มีฟอสฟอรัสอยู่มาก เมื่อน้องหมากินบ่อย ๆ ก็จะได้รับสารอาหารชนิดเดิม ๆ เกิดการสะสมของฟอสฟอรัสสูงเกินไป ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับออกได้หมด ก็จะตกผลึกกลายเป็นนิ่วได้ ส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งไม่ต่างจากมนุษย์เราที่กินอาหารชนิดเดิม ๆ ร่างกายก็จะได้สารอาหารเดิมซ้ำซาก เกิดสารเคมีตกค้างในร่างกายซึ่งก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้นั่นเองค่ะ
โภชนาการอาหารที่เหมาะสมกับปั๊ก
สำหรับเรื่องโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับ น้องหมาปั๊ก สายพันธุ์ที่เสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ง่ายนั้น ผู้เลี้ยงควรดูแลเรื่องอาหารที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมสภาพร่างกายของน้องหมาไม่ให้อ้วนเกินไป โดยดูแลตั้งแต่เริ่มรับน้องหมาปั๊กตัวใหม่เข้ามาเลี้ยงคือ ควรหัดให้น้องหมากินอาหารเม็ดสำเร็จรูปสูตรที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยจะดีที่สุดเพราะอาหารเม็ดสำเร็จรูปมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสมดุลเหมาะสมกับช่วงวัยเพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโต พัฒนาสมองและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย อาจจะเสริมด้วยวิตามิน น้ำมันปลา กล้วย ที่จะช่วยให้น้องหมามีผิวหนังชุ่มชื้น ขนสวย ไม่หลุดร่วงง่ายเพราะน้องหมาปั๊กมักจะพบปัญหาผิวหนังและขนร่วงในจำนวนมาก
รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยงน้องหมาด้วยอาหารของคน โดยเฉพาะอาหารที่มีแป้ง และน้ำตาลที่มีพลังงานสูง เพราะหากน้องหมาได้รับอาหารของคน จำพวกแป้งและน้ำตาลเข้าไปแล้วไม่ได้ออกกำลังกายเผาผลาญพลังงาน ก็จะทำให้น้องหมาอ้วน ส่งผลต่อข้อและกระดูก และยังทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ รวมถึงจะส่งผลต่ออายุของน้องหมา รวมถึงอาหารประเภททอดด้วยน้ำมัน เช่น ลูกชิ้นทอด เนื้อหมูหรือไก่ทอด เพราะจะทำให้ผิวหนังมัน ขนร่วงมากค่ะ (อ่านเพิ่มเติมบทความ 5 เทคนิคเลี้ยงน้องหมาให้อายุยืน ... และบทความ ความห่วงใยผิดๆ ที่เจ้าของมักมีต่อสุนัข )
ส่วนน้องหมาปั๊กที่เกิดภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนแล้ว (อ่านเพิ่มเติม 7 จุดสังเกต เป็นน้องหมาอ้วน ระวัง เสี่ยงโรคร้าย [Infographic]) ผู้เลี้ยงก็ควรจำกัดอาหารกับน้องหมาปั๊ก โดยเลือกให้อาหารที่ใช้สำหรับการลดน้ำหนัก Ga
Ra
Ra
Ra
St
Na
L
Pa
Hi
Ka
Wi
19
19
Ax
Al
Gi
La
Ec
Mr
La
La
Lp
Go
Ka
Ko
Ni
Ga
Ga
Ga
Ga
Ga
Ga
Sh
Ga
No
Ga
Al
Dk
Gi
Fo
Tr
Ju
Vi
Ka
Or
Ol
Be
Gu
Ca
Fo
Ka
Mi
St
De
Ho
Do
Fl
Ar ที่ปัจจุบันมีอาหารสำเร็จรูปที่ปรับแต่งสูตรสำหรับใช้ลดน้ำหนักโดยเฉพาะ ซึ่งอาหารดังกล่าวจะจำกัดปริมาณพลังงาน (แคลอรี่) แต่ก็ยังคงมีสารอาหารที่จำเป็นครบถ้วนที่เหมาะสมกับน้องหมา โดยควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
- เป็นอาหารที่พลังงานต่ำ ไม่จำเป็นต้องลดปริมาณอาหารของน้องหมา สามารถให้น้องหมากินอาหารได้ในปริมาณปกติ เพราะอาหารสูตรดังกล่าวจะลดปริมาณของไขมัน ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรต และเพิ่มปริมาณโปรตีน เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานแทน พูดง่าย ๆ ว่า อิ่มแต่ไม่อ้วน นั่นเอง
- เป็นอาหารที่มีการเพิ่มปริมาณกากใย (ไฟเบอร์) มากขึ้น เพื่อให้น้องหมารู้สึกอิ่ม และช่วยชะลอการย่อยและดูดซึมกลูโคสในลำไส้เล็ก เป็นการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลไปในตัว แหล่งอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ข้าว ข้าวกล้อง ถั่วเขียว ถั่วแดง แครอท บร็อคโครี กระหล่ำปี ผักกาดขาว กล้วยน้ำว้า ผักต้ม ฯลฯ
- เป็นอาหารที่มีการเสริมวิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการให้เข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันการขาดจากการกำจัดปริมาณอาหาร
หรือผู้เลี้ยงอาจจะเลือกทำอาหารปรุงสุกสูตรลดน้ำหนักให้น้องหมาเองก็ได้ แต่ผู้เลี้ยงจำเป็นที่จะต้องปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันของน้องหมากันก่อน ซึ่งการคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมกับน้องหมาแต่ละตัวต่อวันนั้น ผู้เลี้ยงต้องพิจารณาจาก 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้ค่ะ
1.น้ำหนักตัว
2.ช่วงอายุ
3.สายพันธุ์และขนาด
โดยการคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันของน้องหมาแต่ละตัว ผู้เลี้ยงสามารถคำนวณตามสูตรที่เป็นที่นิยมในเมืองไทยคือ RER (kcal) = (30น้ำหนักตัว (กก.)) + 70 หรือใช้ โปรแกรมการคำนวณหาปริมาณอาหารที่เหมาะสมต่อวันของน้องหมา แบบง่าย ๆ โดยคำนวณจากน้ำหนักตัวของน้องหมา เพียงแค่ผู้เลี้ยงเอาน้ำหนักตัวของน้องหมาไปกรอกลงในช่อง แล้วเลือกเปลี่ยนหน่วยเป็น กิโลกรัม โปรแกรมก็จำคำนวณปริมาณอาหารต่อวันที่พอดีกับออกมาให้เสร็จสรรพเลยค่ะ (อ่านเพิ่มเติม ปรุงอาหารให้น้องหมาง่ายๆ แบบมืออาชีพ )
สำหรับเมนูอาหารปรุงสุกง่าย ๆ ที่เหมาะกับน้องหมาปั๊กก็ควรเป็นอาหารที่มีไขมันน้อยจำพวก ปลา และผักที่มีกากใยสูง เช่น แครอท บร็อคโครี กระหล่ำปี ผักกาดขาว ฯลฯ โดยวันนี้ปังปอนด์ก็มีเมนูตัวอย่าง 1 เมนูง่าย ๆ มาฝากเพื่อน ๆ กับเมนูปลาทูนึ่งสารพัดผัก
ส่วนผสม
ปลาทู 1 ตัว (55 กิโลแคลอรี่)
แครอท 13 หัว ( 10 กิโลแคลอรี่)
ข้าวโพด 30 กรัม ( 17 กิโลแคลอรี่)
มันฝรั่ง หัว (42 กิโลแคลอรี่)
บร็อคโคลี่ 50 กรัม (16.5 กิโลแคลอรี่)
วิธีทำ
ล้างปลาทูให้สะอาดจากนั้นนำไปนึ่งในหม้อนึ่งปรมาณ 15 นาที หรือจนกว่าปลาทูจะสุกจากนั้นนำปลาทูออกมาพักไว้จนเย็น หั่นผักต่าง ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ เท่าลูกเต๋า นำไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 3 นาที จากนั้นแกะเนื้อปลาทูใส่ถ้วยพร้อมกับนำผักทั้งหมดที่ต้มเสร็จแล้ว คลุกเคล้าให้เข้ากันเพื่อเพิ่มความน่ากิน เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟให้เจ้าปั๊กตัวแสบจ้า ... สำหรับการปรุงจะเห็นว่าเราจะไม่ใส่เครื่องปรุงต่าง ๆ ลงไป เพราะรสชาติสำหรับน้องหมาไม่สำคัญเท่ากลิ่น ซึ่งกลิ่นช่วยกระตุ้นความอยากอาหารได้ดีกว่า การใส่สารปรุงรสจึงไม่มีความจำเป็นเลยล่ะค่ะ (อ่านเพื่มเติมบทความ ปรุงอาหารให้น้องหมาง่ายๆ แบบมืออาชีพ)
โปรแกรมอาหารที่เหมาะสมของน้องหมาปั๊ก
สำหรับโปรแกรมอาหารที่เหมาะสมของน้องหมาปั๊ก ผู้เลี้ยงจะต้องให้อาหารเป็นเวลาที่แน่นอน เช่น ให้อาหาร 2 มื้อ ในเวลา 8.00 น. และ 18.00 น. เป็นประจำทุกวัน โดยให้ผู้เลี้ยงวางอาหารทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที หากน้องหมาไม่กินก็ให้หยิบออกทันทีเพื่อให้น้องหมาเรียนรู้การกินอาหารในเวลาที่แน่นอน การทำแบบนี้จะทำให้น้องหมารู้ตัวว่าถ้าไม่ทานอาหารในช่วงเวลาที่กำหนดก็จะไม่มีโอกาสได้ทานอาหารอีก ... และไม่ควรวางอาหารทิ้งไว้ทั้งวัน Mp
Vi
Ro
Wo
Po
Mi
Ma
Ax
Ch
Da
Mc
Ra
La
Ti
Te
To
Wi
Be
Pr
Be
Gu
La
Da
La
Mi
Ch
Rv
Sm
Cu
Br
L
Ol
To
Ga
Ga
Mi
Ga
Sk
Ga
Ga
Ga
To
Pr หรือเติมอาหารไว้เต็มชามตลอดเวลา เพราะจะส่งผลให้น้องหมามีพฤติกรรมการกินอาหารไม่เป็นเวลา อยากกินเมื่อไหร่ก็กินได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการทำงานผิดปกติของทางเดินอาหาร เช่น อาเจียนจากภาวะที่กรดในกระเพาะหลั่งออกมามากจนระคายเคืองทางเดินอาหาร หรือกินตลอดเวลาจนเป็นโรคอ้วนที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และกระดูก ที่ต้องรับน้ำหนักมากขึ้นจนอาจเกิดการบาดเจ็บหรือฉีกขาดได้ และยังส่งผลทำให้เกิดการเจริญที่ผิดปกติของกระดูกและกล้ามเนื้อได้อีกด้วยค่ะ
หลักสำคัญในการดูแลควบคุมโปรแกรมอาหารเพื่อไม่ให้น้องหมาปั๊กเกิดภาวะน้ำหนักเกินคือ ผู้เลี้ยงต้องมีระเบียบวินัย ทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ใจแข็งไม่โอนอ่อนต่อสายตาน้องหมาเวลาขออาหารเพราะน้องหมาปั๊กจะหิวอยู่ตลอดเวลา หากให้อาหารแบบตามใจจากเลี้ยงน้องหมาก็จะกลายเป็นได้เลี้ยงน้องหมูไว้ในบ้านแน่นอนค่ะ ยังไงก็ห้ามใจอ่อนเด็ดขาดนะคะ รับรองว่าปัญหาโรคอ้วนและโรคอื่นๆ ที่อาจตามมาจะหมดไป และไม่ทำให้ผู้เลี้ยงเป็นกังวลอย่างแน่นอนค่ะ
และถึงแม้ว่าน้องหมาปั๊กจะเป็นน้องหมาที่เรียกได้ว่า กินเก่ง กินจุ แต่ในบางครั้งก็พบว่า น้องหมาปั๊กบางตัวก็มีปัญหาเลือกกิน กินยากไปเสียดื้อ ๆ ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากน้องหมาเบื่อในกลิ่นและรสชาติอาหารแบบเดิม ๆ ซึ่งผู้เลี้ยงก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้โดยการ ค่อย ๆ เปลี่ยนสูตรอาหารที่มีกลิ่นและรสชาติที่แตกต่างออกไป โดยไม่ควรเปลี่ยนอาหารในทันที เพราะอาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารทำให้น้องหมาท้องเสียได้ ซึ่งการเปลี่ยนอาหารจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน โดยเริ่มจากการผสมอาหารใหม่ 25% กับอาหารชนิดเดิม 75% หลังจาก 3-5 วัน จึงผสมอาหารเก่าและอาหารใหม่เป็นครึ่งต่อครึ่ง จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนมาผสมอาหารใหม่ 75% กับอาหารเก่า 25%ในช่วงวันที่ 6-10 และวันต่อไปจึงเป็นอาหารใหม่ 100% ค่ะ ซึ่งการเปลี่ยนอาหารนี้จะใช้วิธีเดียวกับการเปลี่ยนอาหารให้ลูกสุนัข ซึ่งเพื่อนๆ ที่มีลูกสุนัขก็สามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความ วางแผนการให้อาหารลูกสุนัขมาใหม่อย่างถูกวิธี
นอกจากนี้ผู้เลี้ยงยังต้องคอยสังเกตดูอุจจาระของน้องหมาว่า กินอาหารแล้วเป็นอย่างไร ทั้งลักษณะ กลิ่น สี แย่ลงมั้ย กินอาหารใหม่แล้วถ่ายยากขึ้นหรือถ่ายเหลวไหม กินอาหารแล้วน้องหมากินน้ำมากขึ้นหรือเปล่า และสุดท้ายที่ต้องใช้เวลาในการสังเกตกันสักหน่อยคือ การเจริญเติบโตและน้ำหนักตัวของน้องหมาเพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่อกินอาหารสูตรใหม่ในปริมาณเท่ากับสูตรเก่า เพื่อจะได้เปรียบเทียบว่าร่างกายน้องหมาสามารถเอาไปใช้ได้ดีแค่ไหนหรือเกิดการสะสมมากกว่าสูตรเก่าหรือเปล่า ถ้าจะให้ดีเราก็ควรปรึกษาสัตวแพทย์ในเรื่องของโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาแต่ละตัวด้วยก็จะดีมาก ๆ เลยนะคะ
ออกกำลังกายควบคู่การควบคุมอาหาร
นอกจากเรื่องอาหารที่ผู้เลี้ยงต้องคอยควบคุมให้น้องหมาปั๊กอยู่เสมอแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ผู้เลี้ยงยังต้องหมั่นพาน้องหมาไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเผาผลาญพลังงาน แต่ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงก็ควรระมัดระวังในเรื่องโปรแกรมการออกกำลังกายของน้องหมากันด้วยนะคะ เพราะว่า ปั๊ก เป็นจัดเป็นสุนัขพันธุ์หน้าสั้นที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ ผู้เลี้ยงจึงไม่ควรให้น้องหมาปั๊กออกกำลังกายหนัก ๆ และใช้เวลานาน โดยผู้เลี้ยงควรจัดตารางการออกกำลังกายให้น้องหมาปั๊ก โดยอาจจะขอคำปรึกษากับสัตวแพทย์เพื่อจัดตารางการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับน้อหมาแต่ละตัวจะดีที่สุด
สำหรับการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับน้องหมาปั๊กควรเป็นการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น พาไปเดินหรือวิ่งเล่นตามสวนสาธารณะ โดยใช้เพียงแค่ 10- 15 นาที แล้วพัก 5-10 นาที จากนั้นให้กลับมาออกกำลังกายใหม่ หรืออาจจะสังเกตดูจากอาการหอบของน้องหมาที่จะแสดงออกมาตอนเหนื่อยก็ได้ค่ะ อาจจะหากิจกรรมอื่น ๆ เช่น เล่นเกมส์ฝึกสมอง โยนลูกบอล ดึงเชือก เพื่อกระตุ้นให้น้องหมาได้ออกกำลังกายทั้งร่างกายและสมองที่จะช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตค่ะ
... เกร็ดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรลืมคือ ผู้เลี้ยงควรให้น้ำน้องหมากินก่อนและหลังออกกำลังกายเพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ และป้องกันไม่ให้น้องหมาเป็นโรคลมแดด (Heat Stroke) ที่จะเกิดขึ้นได้เมื่อเขารู้สึกร้อนจัดกันด้วยนะคะ
น้องหมาปั๊กเป็นน้องหมาที่ผู้เลี้ยงต้องใส่ใจดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเปลี่ยนโรคอ้วนได้ง่าย ซึ่งเราต้องคอยควบคุมปริมาณอาหารให้น้องหมา และมีการจัดการโภชนาการอาหารที่เหมาะสม Dk
Pa
Or
Da
Ho
Su
Ra
Sa
To
Ki
Ki
Ki
Tr
Tr
An
Al
Be
Da
Th
Sp
Sa
Fo
Tr
Pe
La
Pe
Mr
Lo
Sc
Da
Di
Sa
Lo
Lo
Va
Jo
St
Te
Te
Te
La
Bi
Ic
Oa
Ca
Ho
Te
Te
St
รวมไปถึงผู้เลี้ยงเองต้องมีระเบียบวินัยในการให้อาหารน้องหมา รวมถึงหมั่นพาเขาไปออกกำลังกายและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่น้องหมาแสนรักของเราจะได้มีสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ และจะได้อยู่กับเราไปได้อีกนานๆ เลยยังไงล่ะค่ะ ... สำหรับสัปดาห์หน้า เราก็จะยังมีบทความเกี่ยวกับน้องหมาปั๊กกันอยู่ ใครที่น้องหมามีปัญหาเรื่องผิวหนังและขนก็อย่าลืมติดตามกันนะคะ
No comments:
Post a Comment